MOROCCO สัมผัสเสน่ห์แห่งตะวันออกกลาง

  เสน่ห์แห่งตะวันออกกลาง 

       โมร็อกโค (MOROCCO)  ได้รับการขนานนามว่าเป็น “เอล มาห์กริบ อัล อัค ซา” (EL MAHGRIB AL AQSA) ซึ่งหมายถึง ดินแดนทางทิศตะวันตกไกลที่สุด ที่นี่เป็นดินแดนเมืองหนาวที่มีแดดร้อนมากในระดับที่มากเลยทีเดียว  ซึ่งลักษณะของประเทศมีความหลากหลาย เป็นที่ตั้งของเทือกเขาที่สูงเป็นอันดับสองของแอฟริกา คือเทือกเขาแอตลาส และมีพื้นที่ครอบคลุมทะเลทรายซาฮาราบางส่วนอีกด้วย ภูมิอากาศบริเวณชายฝั่งทะเลมีอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน แต่ทางตอนในของประเทศมีอากาศแห้งแล้งแบบทะเลทราย

เมืองคาซาบลังก้า (CASABLANCA)

      มีความหมายในภาษาสเปนว่าบ้านสีขาว ปัจจุบันบ้านเรือนที่นี่มีสีขาว และยังเป็นเมืองใหญ่อันดับหนึ่งของราชอาณาจักรโมร็อกโก (Kingdom of Morocco) อีกด้วย ซึ่งสถานที่ที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเยือนเมืองคาซาบลังก้า นั่นก็คือ สุเหร่าแห่งกษัตริย์ฮัสซันที่ 2 (Hassan II Mosque) มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 รองจากเมืองเมกกะ สุเหร่านี้มีงดงามประณีตด้วยสถาปัตยกรรมแบบโมร็อกโค และยังสามารถชมวิวทิวทัศน์รอบๆสุเหร่าซึ่งติดกับริมชายฝั่งทะเลอีกด้วย

เมืองเชฟชาอูน (CHEFCHAOUEN)

       Blue City นครสีฟ้า เป็นเมืองที่ได้การขนานนามว่า “มนต์เสน่ห์แห่งโมร็อคโค” เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานกว่า 538 ปี มีสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติสวยงามและอากาศอันบริสุทธิ์ มีสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ รวมถึงยังเป็นเมืองที่มีเสน่ห์และมีชื่อเสียงมากที่สุดด้วยความโดดเด่นของอาคารบ้านเรือนที่ทาเป็นสีฟ้าทั้งหมดที่ใครเห็นเป็นชอบอย่างแน่นอนค่ะ

ทะเลทรายซาฮารา (SAHARA DESERT) 

เป็นทะเลทรายที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่มากที่สุดในโลก ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของทวีปแอฟริกา ซึ่งกิจกรรมที่น่าสนใจของที่นี่ก็คือ ขี่อูฐเพื่อไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่เนินทรายในทะเลทรายซาฮารา

มัสยิด คูตูเบีย (Koutoubia Mosque)

       เป็นมัสยิดใหญ่ที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองมาราเกช เป็นมัสยิดที่เรียกได้ว่ามีแทบจะทุกทีในตัวเมืองเลยก็ว่าได้ ซึ่งมัสยิดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1147 เพื่อประกาศชัยชนะของชาวมุสลิมที่ได้นำศาสนาเข้ามาเผยแผ่ได้อย่างสำเร็จ แต่มัสยิดแห่งนี้ผู้ที่ไม่ได้นับถือศาสนาอิสลามไม่สามารถเข้าไปชมด้านในมัสยิดได้ สามารถเดินถ่ายรูปในบริเวณลานด้านนอกรอบๆตัวอาคารได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้นนะคะ

พระราชวังบาเฮีย (Bahia Palace)

       พระราชวังบาเฮีย (Bahia Palace) มีความหมายว่า “ราชวังแห่งความวิโรจน์” แต่ละห้องจะถูกออกแบบด้วยลวดลายกระเบื้อง มีห้องที่ตกแต่งไว้ทั้งหมด 150 ห้อง ซึ่งพระราชวังแห่งนี้จะมีความที่ยิ่งใหญ่และหรูหราที่สุดในสมัยนั้น จะมีการตกแต่งโดยการแกะสลักปูนปั้น stucco ประดับด้วยโมเสกเป็นลวดลายที่สวยงามและมีความละเอียดอ่อนมาก

เข้าชมเพิ่มเติม >>https://bit.ly/3aqYHDj